บทที่ 9 เรียกข้า
“ขออภัยทุกท่าน” เสียเอี๋ยนลุกขึ้นประสานมือคาวระเด็กสาว และหันไปทางชายที่อยู่ไม่ไกลนัก “ข้าชื่อเสียเอี๋ยนได้รับคำสั่งให้ออกติดตามหาคุณชายหานมานับเดือนแล้ว เมื่อทราบว่าคุณชายอยู่ที่นี่จึงได้รีบเข้ามา บุกรุกบ้านของพวกท่านโดยมิได้ตั้งใจ โปรดอภัยให้ด้วย”
“คุณชายหาน?” เหมยซิงขมวดคิ้วแล้วหันไปทางอาหมาน เนื่องจากนางดูแลเขามาจนพอจะเข้าใจสายตาของเขาแล้ว จึงเห็นแววตาของเขามีประกายตื่นเต้นยินดี ซึ่งแสดงว่าต้องรู้จักกับคนผู้นี้
‘ไยเรียกข้าว่าคุณชายหาน’
ซุนเว่ยหมินส่งเสียงถามอยู่ในใจ แต่เสียเอี๋ยนที่มีพรสวรรค์เรื่องเร้นลับเหนือธรรมชาติกระตุกมุมปากยิ้มเล็กน้อย ตอบกลับด้วยเสียงที่มี
แต่ซุนเว่ยหมินที่ได้ยินเช่นกัน
‘ก็ร่างที่ท่านอ๋องยืมใช้อยู่นี่เป็นร่างของคุณชายหานหงปิง ข้าจำเป็นต้องเรียกท่านว่าคุณชายหานนะซิ!’
“อาหมาน เจ้ารู้จักชายผู้นี้หรือไม่” เหมยซิงถามเพื่อความแน่ใจ เห็นใบหน้านั้นพยักหน้าลงเล็กน้อย นางก็พยักหน้ารับหันไปทางพ่อบุญธรรมของและน้อง ๆ ที่ยืนมองอย่างงุนงง
“อาหมานรู้จักชายผู้นี้” นางเอ่ยขึ้นแต่ยังไม่ค่อยไว้ใจนัก จู่ ๆ โผล่เข้ามาก็น่าสงสัยไม่น้อย “เหตุใดท่านจึงรู้ว่าอาหมานอยู่ที่นี่”
“อาหมาน?” เสียเอี๋ยนทำหน้างุนงง กลอกตามองไปยังซุนเว่ยหมินที่พยักหน้าเล็กน้อย
‘นางเรียกข้าว่าอาหมาน’
“อ๋อ! คุณชายของเราถูกลอบทำร้าย ข้าได้ส่งคนออกติดตามมานานนับเดือนแล้ว และมีคนส่งข่าวว่าน่าจะอยู่แถบนี้ ทีแรกคิดจะเข้ามาสอบถาม แต่พอเห็นคุณชายก็ดีใจเกินไปจนลืมมารยาทไปสิ้น”
เหมยซิงที่ยืนกอดอกแหงนหน้ามองชายที่เข้ามาใหม่อย่างประเมิน มีความแคลงใจอยู่บ้าง เพราะบ้านของนางห่างไกลผู้คน ไม่คิดว่าจะมีใครล่วงรู้ว่าที่บ้านของนางรับคนแปลกหน้ามาอยู่เพิ่ม
“ทุกท่าน ข้าขอคุยกับคุณชายสักครู่เถิด”
“ท่านจะคุยได้อย่างไร อาหมานพูดไม่ได้”
“อะไรนะ!” เสียเอี๋ยนทำหน้าตกใจ ลืมไปว่าที่เขาสนทนากับซุนเว่ยหมินนั้นใช้การพูดด้วยกระแสจิต แม้ได้ขยับปากส่งเสียจึงคุยกันได้
“ท่านเป็นคนดูแลอาหมานมิรู้หรือ?” เหมยซิงหาทางจับผิด
“เพราะดีใจที่ได้พบจนลืมไป” เขายิ้มแก้เก้อ
“ให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนหรือไม่” นางถามจ้องตาเขาอย่างจริงจัง เห็นใบหน้านั้นส่ายไปมาช้า ๆ จึงได้แต่พยักหน้ายอมรับ
“ข้าจะเอาน้ำชามาให้ รอสักครู่”
“ขอบใจแม่นางน้อยมาก”
นางจำใจต้องถอยห่าง พาน้อง ๆ ออกมารวมทั้งพ่อบุญธรรมด้วย เหมยลี่เบ้ปากเหมือนจะร้องไห้ ทำให้เหมยซิงอุ้มน้องสาวตัวเล็กขึ้นมาหอมแก้มนุ่ม ๆ เล่น
“เหมยลี่คนดีเป็นอะไรไป”
“เขาจะเอาอาหมานไป”
“อาหมานไม่ใช่ของเราเสียหน่อย” ติงเกาพูดขึ้น
“ถ้าเป็นญาติของอาหมานจริง ๆ ก็ดีซิ อาหมานจะได้กลับบ้านไง” ติงหยี่ปลอบน้องสาวตัวเล็ก เขารู้ว่าเหมยลี่มองอาหมานเหมือนของเล่นที่นางประคบประหงมดูแล
“ใช่ ๆ อาหมานไม่สบายกลับบ้านไปจะได้มีหมอรักษาอย่างไรเล่า” ติงปิงเองก็ช่วยปลอบน้องสาวไปด้วย
แต่ทั้งหมดที่พูดมาเหมือนจะปลอบใจเหมยซิงด้วยเช่นกัน นางดูแลเขามาเกือบครึ่งเดือน แม้รู้ว่าวันหนึ่งเขาต้องกลับไปในที่ที่จากมา
แต่นางก็อดเศร้าใจไปด้วยไม่ได้
เด็ก ๆ มัวแต่ซ่อนความเศร้าที่อาหมานจะจากไป มีแต่ติงเชาที่รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ทั้งการมาของชายที่เรียกตัวเองว่า ‘เสียเอี๋ยน’ และคนที่ลูกสาวแบกมาจากป่าช้าที่ชายผู้นั้นเรียก ‘คุณชายหานหงปิง’ หากอาหมานเป็นคุณชายหานหงปิงตัวจริง ไยเหมยซิงจึงจำไม่ได้ว่าคนที่นางดูแลเป็นคุณชายหาน
เพราะบ้านเศรษฐีที่นางไปเป็นหญิงรับใช้นั้นคือบ้านตระกูลหาน! คนพวกนั้นลงโทษนาง และเอานางไปโยนทิ้งในป่าช้าราวเศษสวะชิ้นหนึ่ง!.
“ข้าไม่มีเวลาอธิบายเรื่องทั้งหมด”
เสียเอี๋ยนรีบเอ่ยขึ้นหลังจากไม่มีผู้อื่นในบริเวณนี้แล้ว “แต่ท่านอ๋องมีเวลาไม่มากแล้ว ต้องรีบกลับเมืองหลวงโดยเร็ว”
‘เหตุใดจึงรีบร้อนนัก’ ซุนเว่ยหมินเอ่ยตอบอยู่ในใจ โชคดีที่สามารถสื่อสารด้วยจิตได้ ทำให้เขาไม่ลำบากนัก
“ดวงจิตของท่านอ๋องออกจากร่างมานานนับเดือนแล้ว ท่านต้องรีบกลับเข้าร่างภายในสี่สิบเก้าวัน มิเช่นนั้นจะกลับเข้าร่างไม่ได้ตลอดไป”
‘เรื่องสำคัญถึงเพียงนี้ ไยเจ้าเพิ่งหาข้าพบ!’ เขาก็มิได้อยากอยู่ในร่างผู้อื่นเช่นนี้
“หาใช่ความผิดของข้า” เสียเอี๋ยนเบ้ปาก “เป็นท่านที่ดวงจิตกระเด็นกระดอนออกจากร่างมาอยู่ในร่างของ....”
‘ข้าอยู่ในร่างของผู้ใด!’ ตั้งแต่ลืมตามา รู้เพียงแค่ว่านี้ไม่ใช่ร่างของตน แต่ยังไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นของใคร
เสียเอี๋ยนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนกล่าวออกมา “เป็นคุณชายหานหงปิง”
‘หานหงปิง! เขามิได้พิกลพิการเจ็บป่วยหนักหนาอยู่เมืองหลวงหรอกหรือ? ไยมาอยู่หมู่บ้านกันดารแห่งนี้’
“เรื่องนั้นข้าไม่รู้ แต่ข้ามั่นใจว่าใบหน้า และรูปนี้เป็นของคุณชายหาน เพราะข้าเคยพบเขามาก่อน”
เสียเอี๋ยนโคลงศีรษะไปมา เขาเคยพบคุณชายหานมาก่อนจริง เพราะคนในตระกูลหานเคยขอร้องให้เขาไปตรวจดูอาการคุณชายหงปิงที่ร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิด และยังมีไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หากไม่เพราะตระกูลหานเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเพราะทำการค้า เป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเมืองหลวง และหานหงปิงเป็นเป็นบุตรชายคนโตของภรรยาเอก ชะตากรรมของชายผู้นี้คงไร้คนเหลียวแล และทิ้งให้ตายอย่างน่าเวทนา
แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดคุณชายหานหงปิงมาอยู่ที่นี่ และเหตุใดดวงจิตของจวิ้นอ๋องหรือซุนเว่ยหมิน ถึงมาอยู่ในร่างของคุณชายหานหงปิง
‘ทำอย่างไรดวงจิตของข้าจึงจะกลับเข้าร่างเดิมได้’
“ร่างของท่านอ๋องเวลานี้อยู่ที่จวนแล้ว เดิมทีคิดว่าที่ท่านยังไม่ได้สติเพราะบาดแผลที่ได้รับ แต่เมื่อหมอหลวงขจัดพิษจนหมดแล้ว ท่านก็ยังไม่ตื่นฟื้น ข้าเดินทางตามไปทีหลังจึงได้ตรวจดูว่าดวงจิตของท่านหลุดลอยออกจากร่าง ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาข้าใช้ความพยายามค้นหาดวงจิตของท่าน ดีที่ย้อนกลับมาที่เดิม ภูตผีเสื้อหาท่านพบ”
เสียเอี๋ยนนิ่งไปครู่หนึ่ง รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวด้านหลัง เขาจึงหุบปาก และเมื่อร่างของเด็กสาวเดินเข้ามาพร้อมกาน้ำชา เขาก็คลี่ยิ้มเป็นเชิงขอบคุณ
